ประวัติศาสตร์

ภูมิประเทศ

ภูมิอากาศ

สถานที่ท่องเที่ยว






























สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

สถานที่ท่องเที่ยวเซี่ยงไฮ้-shanghai-มหานครเซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำหวงผู่ (Huangpu) ได้รับการขนานนามว่าเป็น "นครปารีสแห่งตะวันออก" ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มมหานครไฮโซอันดับ 5 ของโลก เซี่ยงไฮ้มีแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วทุกมุมโลก ได้แก่

หอไข่มุก

" หอไข่มุก  "       หอไข่มุกเป็นหอส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์สูง 468 เมตร ลักษณะเป็นไข่มุก 11 ลูก และ เสา 3 เสา ด้านบนเป็นรูปไข่มุก 3 เม็ด 3 ขนาดเรียงกันในแนวตั้ง ที่นี่เป็นที่ทำการของสถานีโทรทัศน์ 9 แห่ง และสถานีวิทยุ 10 แห่ง ภายในหอกลมทำเป็นภัตตาคาร โรงแรมหรูขนาด 25 ห้อง และร้านค้า ด้านใต้ตรงฐานของหอจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองเซี่ยงไฮ้เมืองจำลองโลกอนาคต และเมืองวิทยาศาสตร์แฟนตาซี  ช่องกลางของหอไข่มุกตะวันออกเป็นเสาปล่องกลวง ใช้แขวนลิฟท์ความเร็วสูง 6 ตัว ที่มีความเร็ว 7 เมตร/วินาที เพื่อขึ้นไปที่จุดชมวิว ในระดับความสูง 267 เมตร ส่วนในเวลากลางคืนนั้น หอกลมจะเปิดไฟที่สามารถเปลี่ยนสีไปได้เรื่อยๆ บนไข่้มุกเม็ดที่สองจะสามารถมองลงมาข้างล่างได้เนื่องจากทำพื่นเป็นกระจก
                หอไข่มุกตะวันออก เป็นหอคอยที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก  รองจากหอกว่างโจวทีวีแอนด์ไซท์ซีอิง ในกว่างโจวความสูง 610 เมตร หอคอยซีเอ็น เมืองโตรอนโต ของแคนาดา ที่สูง 554.3 เมตร และหอออสตันคิโน กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ที่มีความสูง 540.1 เมตร ในบริเวณใกล้เคียงกันยังเป็นที่ตั้งของอาคารจินเหมาทาวเวอร์ (สูง 421 ม.) และอาคารเซี่ยงไฮ้เวิลด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์ (สูง 492 ม.) ปัจจุบันนับได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่นอกจากจะใช้ในด้านการสื่อสารแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองอีกด้วย

 ตลาดเฉินหวังเมี่ยว

                   ตลาดเฉินหวังเมี่ยว หรือ ตลาดร้อยปี เซี่ยงไฮ้ เป็นตลาดเก่าของผู่ตง เมืองเซี่ยงไฮ้ อาคารบ้านเรือนบริเวณนี้เป็นสถาปัตยกรรมโบราณสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ตกแต่งสไตล์สถาปัตยกรรมแบบโบราณจีน และเก่ากว่าร้อยปี ที่ยังคงความงดงาม ทั้งร้านขายอาหาร ร้านขนมพื้นเมืองอาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือ เสี่ยวหลงเปา อันลือชื่อ และยังมีขายของที่ระลึกต่างๆมากมาย เมืองเซี่ยงไฮ้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง สำหรับสถานที่สำคัญเช่น เดอะบันด์ และซินเทียนตี้ รวมถึงเพิร์ลโอเรียนเต็ลทาวเวอร์ นอกจากนี้ยังมีแหล่งช๊อปปิ้งที่ไม่ว่าคนจีนหรือคนต่างชาตินิยมไปกันมากอีกหลายแห่ง เช่น นานจิงลู่ เป็นย่านช๊อปปิ้งที่เก่าแก่ที่สุดของนครเซี่ยงไฮ้
"เหล่าเฉิงหวงเมี่ยว" หรือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเซี่ยงไฮ้สร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่15 ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา บริเวณรอบๆ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเแห่งนี้มีร้านค้ามากมายจนกลายเป็นย่านการค้าคึกคักมากเป็นพิเศษ อีกทั้งภายในยังมีสถาปัตยกรรมแบบจีนให้ได้ชม ทั้งตัวตึก หลังคา ฯลฯ ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองของเซี่ยงไฮ้ได้จากที่นี่หรือ เลือกรับประทานของว่างหลายแบบหลายสไตล์ซึ่งมีขายภายในที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน ไปตลาด"เหล่าเฉิงหวงเมี่ยว"ที่พลาดไม่ได้คือ อาหารพื้นเมือง ชนิดต่างๆ ของเซี่ยงไฮ้ บริเวณนี้มีถนนที่ยาวหลายสิบเมตรสายหนึ่ง มีร้านอาหารหลายแห่งตั้งอยู่ที่นี่ ซึ่งรวบรวมอาหารพื้นเมืองเกือบทุกอย่างของนครเซี่ยงไฮ้เอาไว้ สมกับชื่อว่า "อาณาเขตอาหารพื้นเมือง" เซี่ยงไฮ้ ร้านหมันโถว"หนานเสียง"เห็นจะมีชื่อเสียงมากที่สุด ไม่ว่านักท่องเที่ยวทั่วไป หรือแม้กระทั่งผู้นำระดับชาติขณะมาเยือนนครเซี่ยงไฮ้ ต้องแวะมาที่นี่รับประทานอาหารพื้นเมืองขนานแท้ที่ร้านนี้ อย่างเช่น สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษเคยเสด็จมาเสวยพระกระยาหาร พื้นเมืองที่ร้านนี้ ขณะที่พระองค์เสด็จเยือนเซี่ยงไฮ้ ที่ตั้งของร้านนี้หาไม่ยาก ถ้าสังเกตเห็นว่า ร้านไหนมีคนเข้าคิวยาวที่สุด ร้านนั้นต้องเป็นร้านหมันโถว "หนานเสียง"อันที่จริง ร้านหมันโถว "หนานเสียง" ขายซาละเปาขนาดจิ๋วหรือ เสี่ยวหลงเปาเป็นหลัก แต่ชาวเซี่ยงไฮ้เรียกซาละเปาว่า"หมันโถว" จึงเรียกร้านนี้ว่า "ร้านหมันโถว" ลูกค้าที่ไปอุดหนุนมีจำนวนมาก ต้องรอคิวนาน                                                                                                                                                                            ร้านหมันโถว"หนานเสียง"มีประวัตินานกว่า 100 ปีแล้ว ซาละเปาขนาดจิ๋วหรือ เสี่ยวหลงเปาที่นี่ขึ้นชื่อลือชาด้วยเปลือกบาง มีไส้เยอะ รสชาติอร่อยและสดใหม่ ซาละเปาขนาดจิ๋วที่ร้านนี้ดูโปร่งแสง เมื่อนำลูกหนึ่งใส่ในจาน เอาตะเกียบเจาะให้เป็นรู น้ำในไส้ก็ซึมออกมา ส่งกลิ่นหอมแตะจมูกจนน้ำลายไหล  ปัจจุบัน อาหารพื้นเมืองขนานแท้ในเซี่ยงไฮ้จำนวนมากต้อง ไปทานกันที่บริเวณ "เหล่าเฉิงหวงเมี่ยว" สำหรับชาวเซี่ยงไฮ้ ขนมแป้งข้าวเหนียวหรือขนมเหนียนเกา ขนมเปี๊ยหน้างาหรือจือหมาปิ่ง เต้าหู้แห้งกลิ่นเหม็นหรือโช่วโต้วฝู่ ฯลฯ การรับประทานอาหารพื้นเมืองเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นลาภปากเท่านั้น หากยังทำให้หวนคิดถึงบรรยากาศในอดีต ดังคำกล่าวของหนุ่มชาวเซี่ยงไฮ้คนหนึ่งที่ว่า เขาไปรับประทานอาหารพื้นเมือง เพื่อรำลึกเรื่องราวในอดีต

กายกรรม Era

" กายกรรม Era "  กายกรรมอีร่าโชว์ Era Intersection of Time ซึ่งผสมผสานระหว่างกายกรรมจีน และความทันสมัยได้ด้วยกันอย่างลงตัว เป็นการศิลปะแสดงใหม่ล่าสุด ที่ทุ่มทุนสร้างกว่าร้อยล้านหยวนปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นโชว์ที่ดีที่สุดของมหานครเซี่ยงไฮ้ ชมความงดงามอ่อนช้อย ผสมผสานความตื่นเต้นเร้าใจตลอดการแสดงประกอบเสียงสีไฮเทค ผาดโผนเร้าใจ ชมการแสดงชุด วงล้อมิเลเนี่ยม มอเตอร์ไซด์ไต่ลูกโลก (8 คัน) ไม้กระดกเด็กแนว ปุ้มปุ้ยโอ่งมังกร ฯลฯ

ภัตตาคารโกลเด้นจากัวร์

" ภัตตาคารโกลเด้นจากัวร์ "    ภัตตาคารโกลเด้นจากัวร์ (Golden Jaguar)  เป็นภัตตาคารเลิศหรู และมีอาหารนานาหลายชนิด ภายในภัตตาคารแห่งนี้ จะเเบ่งเป็นโซนๆ มีทั้งหมด 12 โซน โซนอาหารจีน โซนอาหารยุโรป โซนติ๋มซำฉบับกวางตุ้ง โซนอาหารไต้หวัน โซนอาหารอินเดีย โซนอาหารเกาหลี โซนอาหารญี่ปุ่น โซนอาหารไทย โซนผลไม้และเครื่องดื่ม โซนอาหารบางส่วน การถูกวางเรียงราย เป็นระเบียบ อยู่บนเรือ ทำให้นักท่องเที่ยว ทำให้เกิด ทัศนียภาพ อีกมุมหนึ่งจาก ของภัตตาคาร ลักษณะ ของการกินอาหารภัตตาาคารแห่งนี้ จะมีลักษณะเป็น บุฟเฟ่ต์ (จะคิด เป็นรายคน คนละ 220 หยวน หรือ 1500 บาท) นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสอาหารต่างๆที่เป็นจุดเด่น และทำให้ เกิดความประทับใจไม่รู้ลืม  

หาดไว่ทาน

“เดอะ บันด์” สัญลักษณ์เซี่ยงไฮ้ยุคเก่า หรือ “หาดไว่ทัน”  เดอะบันด์ของเซี่ยงไฮ้คือ ย่านถนนริมแม่น้ำที่มีความยาว 1.5 กม. ไปตามริมแม่น้ำหวงผู่ ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าของมหานคร  เซี่ยงไฮ้นั้นแบ่งเป็นเขตเมืองเก่าและเขตเมืองใหม่ เมืองเก่านั้นเรียกว่าฝั่งผู่ซี่ (Puxi) และฝั่งเมืองใหม่เรียกว่าฝั่งผู่ตง (Pudong) มีแม่น้ำหวงผู่แบ่ง เมืองเซี่ยงไฮ้ออกเป็นสองฝั่งคล้ายแม่น้ำเจ้าพระยาที่บ้านเราที่แบ่งกรุงเทพฯ ออกเป็นฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนครนั่นแหละ และบรรยากาศของสองฝั่งแม่น้ำก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน หาดไว่ทัน หรือเมืองเก่า เป็นที่ถ่ายทำภาพยนต์เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ อีกทั้งเคยเป็นที่ตั้งของตึกที่ทำการบริษัทใหญ่ๆ ธนาคารชั้นนำ และสถานกงสุลประเทศต่างๆทั่วโลก ลักษณะของอาคารเป็นสไตล์ยุโรปโบราณ และยังคงอนุรักษ์ไว้อย่างดี บางแห่งดัดแปลงเป็นออฟฟิศและเรสเตอรองต์หรูๆ ใครมาเยือนเซี่ยงไฮ้ ต้องแวะชมความงามแบบคลาสสิกของ “เดอะ บันด์” จึงเรียกได้ว่ามาถึงเซี่ยงไฮ้
          หาดว่ายทาน นี้ยังอยู่ใกล้ นานจิงลู่ ถนนคนเดินเป็นแหล่งช๊อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมและสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมของคนไทย และ หาดว่ายทาน นี้เรายังมองเห็น หอไข่มุก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซี่ยงไฮ้

วัดพระหยกขาว

วัดพระหยกขาว ” ตั้งอยู่บนถนนอานเหยี่ยนในเขตผู่ถอ กลางเมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นวัดศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธใน เซี่ยงไฮ้ และเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวเข้านมัสการเป็นจำนวนมากที่สุดของเมืองเซี่ยงไฮ้ ในปี ค . ศ . 1876  ตรงกับรัชสมัยกวางสู ฮ่องเต้ในสมัยราชวงศ์ชิง มีพระภิกษุจาก เกาะผู่ถ่อซานคือหลวงพ่อฮุ่ยเกินได้เจริญรอยพระถังซำจั๋งเดินทางไปศึกษาพระไตรปิฎกยัง อินเดีย ขากลับเดินผ่านทางประเทศพม่าได้อัญเชิญพระพุทธรูปหยกขาวกลับมาที่เมืองทั้งหมด 5 องค์ด้วยกันและได้มอบให้ชาวเซี่ยงไฮ้ 2 องค์พร้อมรวบรวมเงินทำบุญสร้างวัดในเขตเจียงวานในปี ค . ศ . 1882 และได้ตั้งชื่อว่า ยวี่ฝวอซื่อ หรือวัดพระหยก และ ปัจจุบันวัดพระหยกเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปหยกขาวปางมารวิชัยมีขนาดความสูง 1.9 เมตรแกะสลักด้วยหยกขาวทั้งแท่งและพระหยกปางไสยาสน์ขนาด 1.05 เมตร นอกจากนี้ยังเป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุสำคัญทางประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เว่ย ถัง ซ่ง หยวน หมิง และชิงด้วยวัดพระหยกสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมสมัยซ่ง

ตลาดหลงหัว

                " ตลาดหลงหัว (Longhua Market) "    ในอดีตนั้น“เซียงหยาง” เป็นขวัญใจนักช็อปชาวไทยและชาวโลกมานาน เพราะมีข้าวของกระจุกกระจิก และเสื้อผ้าแบบจีนๆวางขายเต็มสองข้างทาง ที่นี่ยังเลื่องชื่อในเรื่องสินค้าแบรนด์เนมก๊อบปี้ มียี่ห้อดังๆให้เลือกทุกชนิด ทั้งกระเป๋า,นาฬิกา,รองเท้า,แว่นตา และเสื้อผ้า เดินอยู่ดีๆอาจมีคนสะกิดแขนและชวนมุดเข้าตรอกซอกซอย เพื่อเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมปลอม ซื้อของตลาดนี้ต่อรองกันสนุก แต่ต้องต่อแหลกต่ำกว่าราคาเปิดเกิน 70% เพราะแม่ค้าจีนค้าขายโหดบอกผ่านเยอะ!! อย่างไรก็ดี ความคึกคักของตลาดเซียงหยางกลายเป็นอดีตไปแล้ว เพราะเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางการเซี่ยงไฮ้ได้สั่งปิดตลาดนี้อย่างถาวร    เพื่อประก าศ ความพร้อมในการเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก และเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008   แต่ก็อย่าได้ตกใจว่าจะไม่มีที่ซื้อเพราะ  เซี่ยงหยาง ได้ย้ายมาอยู่ที่ ย่านหลงหัวแทนแล้ว

วัดหลิงซาน

" วัดหลิงซาน "  วัดนี้ตั้งอยู่ที่ภูเขาชื่อเสี่ยวหลิงซานชื่อนี้เป็นชื่อที่พระถังซานจ๋างตั้งให้ เด็มเป็นที่ตั้งของวัดเสียงเสียงฉานซื่อซึ่งเป็นวัดที่ชื่อดังในสมัยราฃวงศ์ถังและซ่ง ปัจจุบันนี้เพื่อฟื้นฟูศาสนาและวัฒนธธมก็เลยได้สร้างวัดหลิงซานขึ้นมา วัดนี้มีขนาดใหญ่ มีความสวยงามมาก ด้านในเป็นที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อโตหลิงซาน หรือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีความสูงถึง 88 เมตร ด้านล่างมีจำลองรูปฝ่ามือขององค์หลวงพ่อโตขนาดเท่าองค์ใหญ่ไว้ให้คนกราบไหว้บูชาด้วย ซึ่งในวัดนี้มีพระสังคจายซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่เชื่อกันว่าเป็นเทพแห่งโชคลาภ ความร่ำรวย แต่พระสังคจายองค์นี้จะมีเด็กปีนป่ายล้อมรอบตัวด้วย ทำให้เชื่อกันว่า ถ้าใครได้ไปบูชา จับพุง จับตัวเด็ก และทำการเวียนเทียน 3 รอบจะทำให้ได้สมหวังในการมีลูกด้ว

ผู่ถ่อซาน

" ผู่ถ่อซาน     ในทางพุทธศาสนานิกายมหายานพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์มีมากมายดั่งเม็ดทรายในมหานที พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์หรือพระโพธิสัตว์กวนอิมคืออวตารหนึ่งหรือภาคหนึ่งของพระอมิตาภพุทธเจ้า ซึ่งเนื้อแท้ของพระโพธิสัตว์กวนอิมเป็นมหาบุรุษ  เมื่อเสด็จโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์จะทรงนิรมิตพระองค์ไปตามภพภูมิ  พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงมีหลายปาง เช่น ปางประธาน, ปางพันมือพันตา, ปาง 11 หน้า และ ปางที่เป็น “เจ้าแม่กวนอิม” ที่คนจีนเรียกว่า “อาเนี้ย” เป็นต้น เชื่อกันว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมมีที่ประทับอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาโปตละบนเกาะกลางทะเลทางทิศใต้ของประเทศอินเดีย  เมื่อราว พ.ศ. 11 พระสงฆ์รูปหนึ่งเดินทางไปประเทศจีนเพื่อศึกษาธรรมขากลับได้เชิญองค์เจ้าแม่กวนอิมกลับมาด้วย ระหว่างทางเจอพายุจึงต้องแวะพักที่เกาะแห่งหนึ่งเป็นเวลานานมาก จนเชื่อว่าองค์เจ้าแม่ฯจะไม่ไปที่ไหน  ประสงค์จะอยู่ที่เกาะแห่งนี้  จึงได้สร้างศาลเพื่อประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม เกาะแห่งนี้จึงกลายเป็นที่ตั้งของปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ เปรียบเช่นที่ประทับของเจ้าแม่กวนอิมตามตำนานเดิม และเกาะแห่งนี้คือ “เกาะผู่ถ่อซาน” (โพท้อซัว)หนึ่งในสี่ภูเขาพระพุทธอันยิ่งใหญ่ของจีน

พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้

พิพิธภัณฑ์ที่สำคัญของเซี่ยงไฮ้แห่งนี้สร้างขึ้นให้มีลักษณะคล้ายหม้อแบบดั้งเดิมขนาดยักษ์ ภายในมีการจัดแสดงศิลปะโบราณ วัฒนธรรม และปรัชญาอันล้ำเลิศของชาวจีน  พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ตั้งอยู่ที่จตุรัสประชาชนซึ่งอยู่ใจกลางเมือง พิพิธภัณฑ์นี้แบ่งออกเป็น 11 แกลเลอรี่และมีลานแสดงนิทรรศการอีกสามลาน ซึ่งจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และศิลปะจีนโบราณ ก่อนที่จะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ อย่าลืมชมการออกแบบภายนอกที่มีลักษณะเป็นโดมทรงกลมและมีฐานเป็นสี่เหลี่ยม รูปร่างนี้แสดงแทนแนวคิดโบราณของสวรรค์ทรงกลมและพื้นดินรูปสี่เหลี่ยม เดินสำรวจแกลเลอรี่ต่างๆ เพื่อดูเครื่องสำริดโบราณ เครื่องกระเบื้อง ภาพวาด ศิลปะการคัดลายมือ งานประติมากรรม หยก เหรียญกษาปณ์ และเฟอร์นิเจอร์จากราชวงศ์ในยุคต่างๆ คอลเล็กชันกระเบื้องโบราณเป็นหนึ่งในคอลเล็กชันที่มีค่าที่สุดในพิพิธภัณฑ์ สำรวจงานกว่า 500 ชิ้นจากทุกยุคทุกสมัย จุดเด่นของที่นี่ได้แก่เครื่องปั้นดินเผาจากยุคหินใหม่และราชวงศ์ถัง เครื่องสังคโลกแบบดั้งเดิมจากราชวงศ์ซางและโจว รวมถึงรัฐสงคราม (Warring) ตลอดจนเครื่องลายครามลงสีจากราชวงศ์ซ่ง จิ้น และเหลียว เดินต่อไปยังแกลเลอรี่ประติมากรรมโบราณของชาวจีนเพื่อชมคอลเล็กชันพระพุทธรูปเลอค่า ซึ่งหลายๆ องค์แกะสลักจากหยก แกลเลอรี่ตราประทับจีนก็ควรค่าแก่การเข้าชมด้วยเช่นกัน ที่นี่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตราประทับในประวัติศาสตร์ชาติจีน ตั้งแต่ราชวงศ์โจวตะวันตกจนถึงราชวงศ์ชิง แกลเลอรี่นี้จัดแสดงผลงานเกือบ 7,000 ชิ้น รวมถึงเหรียญกษาปณ์จีนที่แสดงให้เห็นถึงความเติบโตของการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับต่างประเทศ พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้เปิดให้เข้าชมทุกวันโดยไม่เสียค่าผ่านประตู แต่มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละวัน ดังนั้นคุณจึงต้องอาจต่อแถว เผื่อเวลาอย่างน้อย 1.5 ชั่วโมงเพื่อชมคอลเล็กชันที่สำคัญต่างๆ คุณสามารถเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์ได้โดยนั่งรถไฟใต้ดินหรือรถโดยสารไปยังสถานีจัตุรัสประชาชน 

เมืองอู๋ซี

" เมืองอู๋ซี "  ฉายาเมืองแห่งดีบุก ชมพระใหญ่หลิงซาน แล้วนำท่านเดินทางกลับสู่นครเซี่ยงไฮ้ ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง  ของนครเซี่ยงไฮ้เมืองหังโจว   ซูโจว   และเมืองอู๋ซี   อาทิ ไข่มุกน้ำจืดแห่งทะเลสาบไท่หู ยาสมุนไพรจีนและเป่าฟู่หลิง หมู่บ้านใบชาหลงจิ่ง โรงงานผ้าไหม กาน้ำชาหินสี หมู่บ้านดอกเก็กฮวย และสินค้าแบรนด์เนมอีกมากมายจากย่านถนนนานกิง  อู๋ซี (อังกฤษ:Wuxi,จีน:無錫) เป็นเมืองอุตสาหกรรมเก่าในมณฑลเจียงซู สาธารณรัฐประชาชนจีน มีทะเลสาบไท่หูพาดผ่านแบ่งเมืองออกเป็นสองส่วน เนื่องจากเป็นเมืองที่ได้รับการพัฒนาเมื่อไม่นานมานี้ จึงถูกขนานนามว่า "เซี่ยงไฮ้น้อย"  เมืองอู๋ซีก่อตั้งขึ้นเมื่อ 3,000 ปีก่อนโดยเจ้าชายสองพระองค์ผู้ลี้ภัยมาจากตอนเหนือของจีน ทั้งสองพระองค์เรียกดินแดนบริเวณนี้ว่า 'เหมย' (Mei) เนื่องจากมีการขุดทำเหมืองดีบุกในบริเวณใกล้เคียง เมืองนี้จึงเป็นที่รู้จักในชื่อว่า 'หยูซี' (Youxi - เมืองที่มีดีบุก) จนกระทั่งแร่ดีบุกจึงขุดจนหมดเมื่อประมาณปี พ.ศ. 568 เมืองนี้จึงถูกเรียกในชื่อปัจจุบัน  เมืองอู๋ซีมีอาณาเขตติดต่อกับเมืองฉางโจวทางด้านตะวันตก และติดกับซูโจวทางด้านตะวันออก ทิศเหนือติดกับแม่น้ำแยงซี ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำคือเมืองไท่โจว ส่วนทิศใต้ติดกับมณฑลเจ้อเจียง การวางผังเมืองอู๋ซีเป็นไปตามลักษณะของเมืองยุคเก่าของจีนอีกหลายเมือง คือผังเมืองเป็นรูปวงกลม ภายในเมืองมีคลองสายเก่าหลายสายตัดไขว้กันทั่วไป ปัจจุบันคลองสายหลักยังเป็นเส้นทางสัญจรของเรือขนาดใหญ่   สภาพอากาศในเมืองอู๋ซีจะร้อนจัดในฤดูร้อน และหนาวเย็นในฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 18 °C มีหิมะตกไม่บ่อยนัก และเนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับทะเลจีนตะวันออก จึงมีช่วงฤดูมรสุมที่จะมีระดับน้ำฝนอยู่ที่ 100 เซนติเมตรทุกปี

ถนนนานจิง
" ถนนนานจิง "  หรือถนนคนเดิน ถือได้ว่าเป็นถนนอเนกประสงค์ของ ชาว จีน เนื่องจากในยามเช้า จะเป็นบริเวณที่ผู้คน โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุออกกำลังกายทั้ง รำไทเก๊ก รำกระบี่ รำพัด พอตกสายหน่อยก็จะกลายเป็นแหล่งช็อปปิ้ง เพราะเป็นที่ตั้งของบรรดาห้างสรรพสินค้ามากมาย และต้องถือว่าเป็นย่านสวรรค์ของบรรดาสาวกแบรนด์เนมทั้งหลาย แต่สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อของที่ระลึกแนะนำให้ไปย่านเหรินเหมิน (Renmin) และถนนจงหัว (Zhonghua) ซึ่งเป็นเขต ที่เข้าสู่ย่าน เมืองเก่า ถนนนานจิงนี้เปิดให้รถประจำทางวิ่งตอน 9 โมงเช้า - 6 โมงเย็น หลังจากนั้นจะปิดถนนให้คนเดินเท่านั้น ละแวกนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ยังมีงานศิลปะชั้นดีอีกด้วย โดยทางตอนใต้ของถนนนานจิงเป็นที่ตั้งของ หอศิลปะช่างไห่เหม่ยซู่ก่วน และ จัตุรัสเหรินเหมินกว๋างฉ่าง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางสังคมและสถานที่พักผ่อนนอกบ้านของ ชาว เซี่ยงไฮ

หมู่บ้านเหมยเจียอู

" หมู่บ้านเหมยเจียอู "    (หมู่บ้านใบชาบ่อมังกร) แหล่งผลิตใบชาเขียวที่ขึ้นชื่อของจีน “ หลงจิ่งฉา ”ซึ่งท่านจะได้ชิมน้ำชาที่มีรสชาติที่แสนยอดเยี่ยมจากใบชาหลงจิ่ง ชานี้เป็นใบชาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศจีน มีประวัติยาวนานกว่า 20,000 ปี มีประโยชน์มากมาย เช่น บำรุงสายตา , ลดไขมันในเส้นเลือด , ลดน้ำหนัก ใบชาที่นี่เป็นใบชาที่มีชื่อเสียงใช้ใน

แม่น้ำหวงผู่

" แม่น้ำหวงผู่ (Huangpu river)"    เป็นเส้นทางเดินเรือหลักของเมืองเซี่ยงไฮ้ คดเคี้ยว ไหลจากปากแม่น้ำแยงซี ในเมืองอู๋ซ่ง ไปยังทะเลจีนตะวันออก ยาว 71 ไมล์ และ กว้าง 0.25 ไมล์ และลึก 30 ฟุต โดยเฉลี่ย ระยะทางจากทางเหนือสู่ตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ รวม 18 ไมล์ ซึ่งแบ่งตัวเมืองเซี่ยงไฮ้เป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งตะวันออก และ ตะวันตก ด้วยลักษณะภูมิประเทศดั่งกล่าวทำให้กิจกรรมการล่องเรือ เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เพลิดเพลินกับกิจกรรมดั่งกล่าวทั้งในเวลากลางวันและ กลางคืน นอกจากนนี้ ตึกสูงระฟ้า ทั้งหอไข่มุก หอจินเหมา รวมทั้งตึกอื่นๆ ที่ มีการออกแบบคล้ายกันแม้จะสร้างคนละช่วงเวลา 

 

โปรแกรมทัวร์เเนะนำ